Agentic AI คืออะไร?

Agentic AI คือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกออกแบบให้ทำงานอย่างอิสระในฐานะ “ตัวแทน” (agent) ซึ่งสามารถรับรู้สถานการณ์ ตัดสินใจ ลงมือปฏิบัติ และปรับตัวได้เองตามเป้าหมายที่กำหนด โดยไม่ต้องรอมนุษย์สั่งงานทุกขั้นตอน แตกต่างจาก AI แบบเดิมที่เน้นตอบสนองหรือสร้างเนื้อหาตามคำสั่ง Agentic AI จะวางแผน จัดการงานย่อย และเรียนรู้จากประสบการณ์เพื่อปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การสั่งซื้อของ จัดตารางงาน หรือบริหารซัพพลายเชนโดยอัตโนมัติ

ทำไม Agentic AI ถึงน่าสนใจและมาแรงในปี 2025

1. จาก “ผู้ช่วย” สู่ “ตัวแทน” ที่ลงมือทำจริง
   Agentic AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือรอรับคำสั่ง แต่เป็นตัวแทนที่เข้าใจบริบทและตัดสินใจแทนมนุษย์ เช่น หากคุณแจ้งว่าของใช้หมดบ้าน Agentic AI จะค้นหาแหล่งขายที่ดีที่สุด สั่งซื้อ และจัดส่งโดยอัตโนมัติ
2. ธุรกิจทั่วโลกเริ่มนำไปใช้จริง
   รายงานจาก Gartner และ Deloitte ระบุว่า 2025 คือปีทองของ Agentic AI โดยองค์กรกว่า 25% ที่ใช้ Generative AI จะเริ่มทดลองใช้ Agentic AI และตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ธุรกิจที่นำไปใช้จะได้เปรียบทั้งด้านต้นทุน ประสิทธิภาพ และนวัตกรรม
3. ขยายขีดความสามารถสู่อุตสาหกรรมใหม่ ๆ

• ซัพพลายเชนและโลจิสติกส์: วิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์อุปสงค์ ปรับแผนจัดส่งแบบเรียลไทม์
• บริการลูกค้า: แก้ปัญหาและตอบคำถามลูกค้าได้เองกว่า 80%
• สุขภาพ: วิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย วางแผนการรักษา แจ้งเตือนอัตโนมัติ และช่วยวินิจฉัยโรค
• การเงิน: ตรวจจับการฉ้อโกง วิเคราะห์ความเสี่ยง และบริหารงบประมาณ

4. สร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Hyper-Personalization)
Agentic AI เรียนรู้พฤติกรรม ความชอบ และเป้าหมายของแต่ละคน เพื่อมอบบริการหรือคำแนะนำที่ตรงใจและล่วงหน้ากว่าที่เคย

คุณสมบัติเด่นของ Agentic AI

• Autonomy: ทำงานอิสระโดยไม่ต้องรอมนุษย์สั่งทุกขั้นตอน
• Goal-Orientation: มุ่งสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้
• Iterative Reasoning: ตัดสินใจแบบเป็นขั้นตอนและปรับแต่งตามสถานการณ์
• Self-Learning: เรียนรู้และพัฒนาตัวเองจากประสบการณ์
• Collaboration: ทำงานร่วมกับ AI ตัวอื่นหรือมนุษย์ในระบบเดียวกัน
• Memory Integration: เก็บและใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน

โอกาสและความท้าทายของ Agentic AI

โอกาส

• ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ: ลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มเวลาสำหรับงานสร้างสรรค์
• เร่งนวัตกรรม: ทดลองและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เร็วขึ้น
• สร้างโมเดลธุรกิจใหม่: เช่น AI Concierge, AI Supply Chain Manager
• ขยายบริการเฉพาะบุคคล: ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ตรงใจมากขึ้น

ความท้าทาย

• ความโปร่งใสและจริยธรรม: การตัดสินใจของ AI ต้องอธิบายได้ (Explainability) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและป้องกันความเสี่ยงความปลอดภัยของข้อมูล: การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและกฎหมาย
• การปรับตัวขององค์กร:วางกลยุทธ์และปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานให้เหมาะสม
• Black Box Problem: ระบบ Agentic AI ที่ซับซ้อนอาจทำให้ยากต่อการตรวจสอบหรืออธิบายเหตุผลของการตัดสินใจ

ตัวอย่างการใช้งาน Agentic AI ที่เห็นได้ชัด

• AI Copilot ในงาน IT: แก้ไขปัญหาและตอบคำถามลูกค้าอัตโนมัติ ลดเวลาทำงานของทีม IT ได้ถึง 10 เท่า
• AI สำหรับซัพพลายเชน: วิเคราะห์แนวโน้มตลาดและปรับแผนจัดซื้อจัดจ้างแบบเรียลไทม์
• AI ผู้ช่วยส่วนตัว: จัดการตารางนัดหมาย อีเมล และงานประจำวันโดยไม่ต้องสั่งงานซ้ำ ๆ
• AI ในการแพทย์: วินิจฉัยโรค วิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
• AI ด้านการเงิน: ตรวจจับการฉ้อโกง วิเคราะห์ความเสี่ยง และบริหารงบประมาณอัตโนมัติ

แนวโน้มและอนาคตของ Agentic AI

Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2028 AI agent จะตัดสินใจแทนมนุษย์ถึง 15% ของการตัดสินใจในงานประจำวัน (จากที่แทบไม่มีในปัจจุบัน) องค์กรที่เริ่มต้นปรับตัวตั้งแต่วันนี้จะได้เปรียบมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นด้านประสิทธิภาพ ความพึงพอใจของลูกค้า หรือการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

ประเด็นด้านจริยธรรมและการกำกับดูแล

การให้ AI มีอำนาจตัดสินใจเองต้องมาพร้อมกรอบจริยธรรมและการกำกับดูแลที่เข้มงวด เช่น การป้องกันอคติ (bias), การรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล, การตรวจสอบและอธิบายการตัดสินใจ (Explainability & Governance) การพัฒนา Agentic AI ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือจึงเป็นหัวใจสำคัญของการนำไปใช้ในวงกว้าง

สรุป

Agentic AI คลื่นลูกใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจและชีวิตประจำวันในปี 2025 ด้วยความสามารถในการวางแผน ตัดสินใจ และดำเนินการเอง Agentic AI ไม่เพียงสร้างประโยชน์เชิงประสิทธิภาพ แต่ยังขยายโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจและสังคม ทั้งนี้ การนำไปใช้อย่างมีจริยธรรมและโปร่งใสจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุค AI ที่แท้จริง

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://mtxr.co/news/
ติดต่อสอบถามได้ที่ LINE ID : @metaxr ( https://lin.ee/MVuGWFC )